การเดินทางสู่ สังคมไร้เงินสด


สังคมไร้เงินสดเป็นไปได้นะผมว่า โดยส่วนตัวผมชอบใช้นะ เพราะมันสะดวกดี ไม่ต้องควักและนับเงิน โดยเฉพาะเหรียญ

เอาจริงๆแล้วสังคมไร้เงินสด หรือการชำระเงินด้วยสื่อกลางอื่นๆไม่ใช่ว่าจะเพิ่งเกิดขึ้นนะครับ มันมีคนพยายามกันมานานมากแล้ว หากมองย้อนกลับไปไกลๆหน่อยบัตรแทนเงินสดที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในระดับนึงเลยก็คือ "บัตรโทรศัพท์" ที่เอาไว้ใช้กับโทรศัพท์สาธารณะ แต่พอเมื่อมือถือเริ่มเข้าถึงคนมากขึ้น โทรศัพท์สาธารณะเหล่านี้ก็ได้ตายไปพร้อมๆกับบัตรเติมเงินที่ว่า ... R.I.P.


แต่ใช่ว่าที่สำเร็จจะไม่มีเลยนะครับ ย้อนกลับไปให้ไกลขึ้นอีกสักปี 2457 (หรือ ค.ศ. 1914) คือก่อนผมเกิดอีก เจ้า Payment Gateway ตัวนึงได้ถือกำเนิดมานั่นก็คือ "บัตรเครดิต" นั่นเอง สมัยดังเดิมเลยมันจะอยู่ในรูปของเหรียญนะฮะ แล้วเริ่มเจ้ามาในไทยเมื่อปี 2512 โดยบริษัท บัตรไดเนอร์ส คลับ (ประเทศไทย) จำกัด แต่ไม่ได้รับความสนใจมากนัก หลังจากนั้น ธนาคารแห่งอเมริกา ได้นำบัตรเครดิตต่างประเทศ ที่เรียกว่า bank americredit หรือที่รู้จักกันในขณะนี้ว่า “วีซ่า” เข้ามาใช้ในประเทศไทย ... ขอบคุณข้อมูลจาก wikipedia



และเมื่อยุคอินเตอร์เน็ตเฟื่องฟูสื่อกลางที่จับต้องไม่ได้ถือกำเนิดขึ้น อาทิเช่น "Paypal" ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2541 โดยเฮีย อีลอน มัสก์ นั่นเอง ซึ่งมีมากว่า 20 ปีแล้ว (และก็ขายไปให้กับ ebay) แต่เข้าใจว่าส่วนใหญ่ยังเป็นการใช้จ่ายแค่บนโลกออนไลน์เท่านั้น ในเมืองไทยก็มีคล้ายๆกับเจ้า Paypal เหมือนกันนะ ชื่อว่า "Paysbuy" ถามว่าเจ้าของ Payment Gateway พวกนี้อยากจะให้บริการของเขามาสู่โลก Offline มั้ย ทุกคนคงตอบว่า "อยาก" แต่ด้วยความใหม่มากในสมัยนั้น และความน่าเชื่อถือ บวกความไว้วางใจจากทางร้านค้าที่ไม่สูงนัก(เอาหยาบๆหน่อยก็ต่ำมากหรือไม่มีเลย) พอไม่ค่อยมีร้านที่ยอมรับบริการดังกล่าว ทำให้คนใช้เองก็รู้สึกว่ามีมันไว้ก็ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ ไม่ใช้ดีกว่า ยุ่งยาก สังคมไร้เงินสดเลยไม่สามารถเกิดได้นั่นเอง



ความพยายามของสังคมไร้เงินสดยังไม่หยุดแค่นั้น ด้วยความเป็น 7-11 ที่มีสาขายอยู่เยอะมาก มีคนเข้าไปซื้อของมากมาย ทาง 7-11 เองก็เลยทำบัตรออกมาที่ชื่อว่า "Smart Purse" ซึ่งเป็นบัตรเติมเงินและใช้ชำระเงินแทนเงินสด ซึ่งก็น่าจะไปได้สวย แต่เอาเข้าจริงแล้วมันก็ไม่ได้สะดวกขนาดนั้น เพราะการเติมเงินตอนนั้นยังคงต้องเอาเงินสดไปเติมลงในบัตร ซึ่งพอคนควักเงินจ่ายเติมเงินในจำนวนเงินเยอะๆ มันทำให้สติคนกลับมา และคิดว่าจ่ายเงินสดไปเลยดีกว่า จะเอาเงินมาใส่ไว้ในบัตรทำไม เราก็ไม่ได้เข้า 7-11 เยอะขนาดนั้น เติมเงินทิ้งไว้ก็แอบเสียดาย



แต่พักหลังๆร้านค้าเริ่มเปิดรับมากขึ้น หลายๆร้านรับการชำระด้วยบัตร Rabbit (BTS) หรือ True Wallet และยิ่ง 7-11 รับ True Wallet เนี่ย มันทำให้คนใช้(อย่างผม)รู้สึกถึงความสะดวกสบายของการใช้เจ้า Payment Gateway ตัวนั้นๆ

สังคมไร้เงินสดกับบริการที่ผมใช้อยู่มีดังนี้

1) ณ ตอนนี้ถ้าถามว่า e-Wallet ตัวไหนผมใช้มากที่สุด ก็บอกได้เลยว่าเป็น True Wallet คือผมเข้า 7-11 บ่อย เลยใช้บ่อยมาก และผมว่าของ True คือมันไปใช้จ่ายกับที่อื่นๆได้หลายที่แล้วด้วย

Download ได้ที่ >> http://bit.ly/TrueMoneyWalletNP

2) แต่หากเข้า Starbucks ก็ใช้แอพของเขาเองเลยฮะ เพราะเขาไม่ร่วมกับเจ้าใดๆ ข้อเสียหลักๆเลยคือ ไปใช้ที่เมืองนอกไม่ได้นะฮะ เสียตรงนี้แหล่ะ ทั้งๆที่เป็นแอพ Starbucks เองแท้ๆ

Download สำหรับ Android >> http://bit.ly/2D6C3Cp
Download สำหรับ iOS >> https://apple.co/2qBit9W

3) ส่วนทางด่วน ผมก็ใช้ Easypass อันนี้บอกเลยว่าชอบและสะดวกดี เติมเงินง่าย (ผมใช้ True wallet เติม)

4) BTS / MRT ก็ใช้บัตรของเขานั่นแหล่ะ แต่ BTS ที่ใช้ Rabbit ถือว่าสะดวกเหมือนกันนะ เพราะหลายๆร้านก็รับบัตร Rabbit แล้ว แต่ข้อเสียมีเพียงหนึ่งเดียวคือ ต้องเติมเงินโดยใช้เงินสดเท่านั้น

5) App ของธนาคารต่างๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้หลายๆร้านก็มีการรับวิธีการโอนเงินกันมากขึ้น ซึ่งแต่ละร้านบางทีก็จะมีเป็น QR ให้ผู้ชำระสะดวกมากยิ่งขึ้น

ใครมีใช้บริการอื่นๆนอกจากนี้แชร์กันได้นะครับ เผื่อจะได้ไปหาลองมาใช้บ้าง

Comments