#วิเคราะห์บ้านๆ - ธุรกิจเครือข่าย (MLM) กับ ตัวแทนขายของ ต่างกันมั้ย และอะไรน่าสนใจกว่ากัน



ธุรกิจขายตรง หรือ MLM และการเป็นตัวแทนขายสินค้า ทั้งคู่คือระบบที่ถูกสร้างมาเพื่อการขายของทั้งสิ้น แต่จะมีความซับซ้อนที่ต่างกันอยู่ เรามาดูกันว่าระบบทั้งคู่นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร

ในยุคสมัยหนึ่งธุรกิจ MLM หรือ Multi-Level Marketing เคยเป็นกระแสอยู่พักนึง ทั้งด้านลบและด้านบวก (ส่วนมากจะลบ) แต่ใครที่ยังไม่รู้จัก เดี๋ยวอธิบายให้ฟังแบบสั้นๆ

MLM หรือ Multi-Level Marketing ภาษาไทยใช้คำว่า การตลาดหลายระดับชั้น โดยปกติแล้วเวลาที่เราขายของ รายได้ของเราก็จะเกิดจากส่วนต่างของราคาสินค้าที่เราขายไป(มาร์จิ้น) แต่หากเป็น MLM แล้วนั้นรายได้จะไม่ได้จบแค่นั้น แต่ยังจะได้รายได้จากคนที่เราชวนหรือแนะนำให้มาทำธุรกิจอีกได้หลายระดับชั้น คนที่ชวนมาทำธุรกิจเราจะเรียกกันว่า 'Upline' ส่วนผู้ที่ถูกชวนมาเราเรียกกันว่า 'Downline' ทำให้ Upline บางคนมีรายได้อย่างมหาศาลถึงเจ็ดหลักต่อเดือน

ส่วนตัวแทนขายของก็จะง่ายๆตรงๆ คือ ไปรับมาจากเจ้าใหญ่เจ้าหนึ่งแล้วก็มาขายต่อไปยังผู้ใช้ หรือบางรายอาจจะให้มีการแบ่งเป็นตัวแทนรายใหญ่และตัวแทนรายย่อย โดยที่รายใหญ่ก็จะได้มาร์จิ้นหรือส่วนต่างของราคาที่มากกว่า เพราะต้องแบกรับความเสี่ยงที่มากกว่า ส่วนรายย่อยก็จะได้สัดส่วนที่น้อยกว่าเพราะไม่จำเป็นต้องสต๊อคสินค้าเป็นจำนวนมาก

คิดว่าน่าจะพอเห็นภาพกันละ หากอ่านดูจากข้างต้นแล้วนั้น ดูเหมือนว่า MLM ดูน่าทำมากกว่า เพราะได้รายได้จากหลายทางกว่า แต่โดยปกตินั้นการขายของผ่านระบบ MLM จะได้มาร์จิ้นที่ต่ำกว่าการเป็นตัวแทน เนื่องจากรายได้ที่หลายชั้นนี่เอง ทำให้ระบบไม่สามารถจะจัดมาร์จิ้นที่สูงให้กับผู้ขายได้ แต่เขาจะได้รับเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งจากการขายของๆ Downline แทน ซึ่งหากมี Downline ไม่มากพอ ผลตอบแทนก็จะไม่เร้าใจเท่ากับการเป็นตัวแทน แต่หากสะสม Downline ให้มากพอ รายได้จะเข้ามาอย่างมากมายมหาศาลไม่แพ้ตัวแทนรายใหญ่เลย แถมจะยังเหนื่อยน้อยกว่าด้วยซ้ำ และแบกความเสี่ยงที่น้อยกว่าตัวแทนรายใหญ่ เพราะไม่ต้องสต๊อคของทีเยอะมากมาย แต่ด้วยเงื่อนไขนี้เอง ทำให้ผู้ที่ถูกชักชวนเข้ามาทำ MLM นั้นถูกจูงประเด็นไปที่การหา Downline มากกว่าการขายสินค้าซึ่งเป็นอีกแก่นของธุรกิจ เพราะเอาเข้าจริงต่อให้เราชวนคนมาทำธุรกิจกับเราได้เยอะ แต่เราเองยังขายของไม่เป็นเลย แล้วเราจะสอนทีมได้อย่างไร และเมื่อคนที่ถูกชวนมาขายของไม่ได้ ทำแล้วไม่รุ่ง สักพักเขาก็เลิกทำ แล้วก็ต้องกลับไปตามหา Downline กันใหม่อีก

แต่ใช่ว่าการขายแบบตัวแทนจะชนะแบบขาดลอยนะครับ ความบิดเบือนเพื่อหากำไรสูงสุดเข้าตัวเองมันมีอยู่ทุกธุรกิจ รวมถึงการเป็นตัวแทนด้วยเช่นกัน เคยเห็นมั้ยครับที่สินค้าบางตัวเปิดตัวแบบยิ่งใหญ่ มีแม่ทีม (รายใหญ่) อยู่จำนวนหนึ่ง แล้วรายใหญ่แต่ละเจ้าก็จะไปปล่อยให้รายย่อยต่ออีกที จนสุดท้ายมีคนขายมากกว่าคนซื้อ เจ้าของสินค้าสบายเพราะได้เงินจากรายใหญ่ไปแล้ว ส่วนรายใหญ่ก็ได้เงินจากรายย่อยไปแล้วเช่นกัน แต่รายย่อยนี่สิ จะไปเอาเงินจากไหนกัน สุดท้ายก็จะเกิดภาวะสินค้าล้นตลาด (คุ้นๆมั้ยครับ)

โดยส่วนตัวของผมแล้วระบบ MLM นั้นดูจะเป็นการทำธุรกิจระยะยาวมากกว่าของตัวแทนนะ ทำไมน่ะหรอครับ นั่นก็เพราะว่าระบบการขายตรงหรือ MLM นั้นมีความซับซ้อนของโครงสร้างราคาที่สูงกว่า คนที่เริ่มทำแรกๆจะได้ผลตอบแทนที่ไม่ค่อยสูงมาก แต่หากทำอย่างถูกต้องและเป็นระบบ การทำธุรกิจขายตรง (MLM) จะทำให้เราประสบความสำเร็จในระยะยาวได้ แต่กลับกันในระบบตัวแทนเมื่อเราขายของได้เราก็จะได้รายได้เพียงแค่มาร์จิ้นระหว่างราคาทุนกับราคาขายเท่านั้นต่อให้เราขายได้มากขึ้นเพียงใด เต็มที่เราก็จะได้มาร์จิ้นที่กว้างขึ้นอีกหน่อย เพราะเมื่อเราสั่งของในล็อตใหญ่มากขึ้นต้นทุนต่อชิ้นก็จะถูกลง แต่นั่นเองก็ทำให้เราแบกความเสี่ยงที่มากขึ้นเช่นกัน และหากเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเจอหลอกขายสินค้าที่ไม่ดีมาในล็อตใหญ่ นี่คือหายนะเลยนะครับ เพราะเจ้าของสินค้าและรายใหญ่เมื่อปล่อยของออกไปได้ เขาก็รับกำไรนับเงินอย่างสบายใจไปแล้วครับ ไม่มาสนใจหรอกว่าคุณจะขายต่อได้หรือไม่

อ่านมาถึงตรงนี้คงเห็นชัดว่าผมค่อนข้างเอนไปทาง MLM แต่เอาเข้าจริงผมก็เคยเห็นคนที่ประสบความสำเร็จจากทั้ง 2 ระบบนี้มาแล้ว หากถามว่าอะไรดีกว่ากัน ผมขอพูดแบบนี้ดีกว่า หากคุณอยากเรียนรู้ในการทำธุรกิจ ผมแนะนำให้ทำ MLM ครับ เพราะว่าในระบบนี้เราจะได้เรียนรู้ทั้งทักษะการขาย และทักษะในการสร้างทีม (Downline) แต่หากคุณชอบค้าขาย เป็นประเภทพ่อค้าแม่ค้ามือทอง ผมว่าการเป็นตัวแทนก็ไม่เลวนะ คุณไม่ต้องไปมุ่งหาคนมาทำธุรกิจต่อจากคุณ สนใจเฉพาะการขายเพียงอย่างเดียวก็พอ ก็ลองมองตัวเองแล้วเลือกทางที่ชอบนะครับ

Comments