#วิเคราะห์บ้านๆ เข้าสู่ยุค Work from Home กันหล่ะ


Work From Home หรือ WFH เป็นสิ่งที่ถูกพูดกันมาสักพักใหญ่ๆแล้ว ในหลายๆประเทศก็มีการทดลองทำงานที่ออฟฟิศ 4 วันต่อสัปดาห์ และให้ทำงานจากที่บ้าน 1 วัน​ ซึ่งผลก็ออกมาดีทีเดียว สำหรับบางคนการทำงานจากบ้านอาจจะไม่ได้หมายถึงแค่ทำงานที่บ้านแค่ 1 วันต่อสัปดาห์ก็ได้นะ เพราะบางคนอาจจะทำงานที่บ้านทุกวันเลยก็ได้​ เช่น​ คนที่ทำงานกับบริษัทต่างชาติที่ไม่ได้ใหญ่อะไรมาก แต่อยากเข้ามาเจาะตลาดที่เมืองไทย ก็เลยจ้างคนที่เมืองไทยมาสักคนหรือกลุ่มนึงเพื่อทำหน้าที่ที่จำเป็นต้องให้คนที่อยู่ไทยเท่านั้นทำได้ ดังนัั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องใช้ออฟฟิศเลย (เพราะไม่มีออฟฟิศ)

ทีนี้​เรามาดูข้อดีของการทำงานที่บ้านกัน
1. เราได้เวลามากขึ้น​ เพราะไม่ต้องไปเสียเวลาเดินทาง ตื่นมาเปิดคอมก็สามารถทำงานได้เลย (แต่จะให้ดีก็อาบน้ำแต่งตัวสักน่อยก็ดีนะ)
2. เป็นผลต่อเนื่องมาจากการทำงานที่บ้านคือ ใช้เงินน้อยลง ประหยัดค่าเดินทาง (แต่เสียค่าแอร์ที่บ้านแทน) อาหารก็ทำกินเองที่บ้าน ถูกกว่า สะอาดกว่าด้วย​ ประหยัดชุดเสื้อผ้าด้วยนะเออ
3. เราจะสามารถเลี้ยงดูลูกหรือดูแลผู้สูงอายุที่บ้านได้
4. หากไม่ใช่ช่วงที่มีโรคระบาด เราอาจจะไปนั่งทำงานที่ร้านกาแฟ ซึ่งสำหรับผมเองแล้วบางครั้งมันทำให้ผลงานมันออกมาดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะไม่เกิดความเครียด
5. สำหรับบางคนที่จัดสรรเวลาได้ดี เขาจะสามารถหารายได้เสริมได้เลยนะครับ โดยการรับงานอื่นๆเพิ่ม หรือ หาของมาขายออนไลน์

ถามว่าข้อเสียมีบ้างมั้ย แน่นอนว่ามีอยู่แล้วครั​บ​ ไม่อย่างนั้นหลายๆที่ก็คงที่จะใช้การทำงานจากที่บ้าน​กันหมดเเล้ว​ เรามาลองดูข้อเสียกันดีกว่าครับ
1. หากเราเป็นคนบังคับตัวเองให้ทำงานไม่ได้​ แทนที่จะได้งานที่ดีขึ้นมีเวลามากขึ้น​ กลับจะได้ผลที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เพราะแทนที่จะตื่นมาทำงาน ก็จะคิดว่าไม่ต้องรีบหรอก ก็ไม่ต้องขับรถไปทำงานนี่ หรือ​ พักดูทีวีสักหน่อยดีกว่า หรือของีบสักพัก ความคิดเหล่านี้เองที่จะทำให้งานไม่เดิน เอาจริงๆแล้ว ที่บ้านก็จะมีสิ่งยั่วยวนใจที่มากกว่า
2. ต้องเสียเงินซื้ออุปกรณ์เพิ่ม การทำงานจากที่บ้านได้นั่นแปลว่าทุกๆบ้านจะต้องมีอินเตอร์เน็ต​ และอุปกรณ์ต่าง​ๆ​ เช่น​ กล้อง​และไมโค​รโฟน เพราะการทำงานจะต้องมีการคุยกัน หรือประชุมกัน และสิ่งที่ทำให้เราสามารถประชุมกันได้แม้จะอยู่คนละที่ก็คืออินเตอร์เน็ต​และอุปกรณ์​เหล่านี้นี่เอง


ด้วยที่ข้อดีก็มี ข้อเสียก็มี​ ทำให้บริษัทอีกหลายๆแห่งยังไม่กล้าที่จะลองให้มีการ Work​ From​ Home​ กันสักที จนมาเกิดวิกฤตโรคระบาด COVID19 เกิดขึ้น​ ทำให้หลายๆบริษัทจำต้องให้มีการทำงานจากที่บ้าน​เพื่อป้องกันไม่ให้โรคแพร่กระจาย​ และเป็นการป้องกันพนักงานที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากการเดินทางด้วย โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าเมื่อผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ หลายๆบริษัทจะเริ่มวัดผลการทำงานช่วงที่ทำงานที่บ้านดูว่ามันมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน แน่นอนว่าพนักงานน่าจะแฮปปี้กันอยู่แล้ว​ (ตราบเท่าที่ยังมีเงินเดือนอยู่) และถ้าผลงานมีประสิทธิภาพที่มากขึ้นด้วยแล้ว เจ้าของบริษัทอาจจะมีการตัดสินใจดูว่าจะให้ทีการทำงานจากบ้านสัปดาห์ละครั้งดีมั้ย

สำหรับบางคนเองที่ได้ทำงานจากที่บ้านจนเริ่มชินก็จะเริ่มคิดแล้วว่า "การทำงานจากที่บ้านก็โอเคนะ" ใครที่เป็นสายอาชีพ​ เช่น​ โปรแกรมเมอร์​ หรือ​ คนออกแบบกราฟฟิก ก็อาจจะมีแนวคิดที่จะรับทำเป็นฟรีแลนซ์ไปเลยก็ได้ หรือสำหรับใครที่หารายได้เสริมระหว่างช่วงนี้อาจจะเริ่มเห็นแล้วว่ารายได้จากอาชีพเสริมสามารถมาทดแทนรายได้จากอาชีพหลักได้ ก็เลยเปลี่ยนงานเสริมมาเป็นงานหลักไปเลยก็เป็นได้นะ ผมเชื่อเหลือเกินว่าหลังจากวิกฤตนี้ผ่านไป วิถีการทำงานจะมีการเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน และสุดท้ายอาจจะกลายเป็น Work From No Home ก็ได้นะครับ คือ ทำงานจากที่ไหนในโลกก็ได้ เหมือนพวกที่ Digital Nomad นั่นเอง

บทความที่เกี่ยวข้อง Nomadic Lifestyle ไลฟ์สไตล์สุดฮิตในยุคนี้

Comments