Startup: "สุวัฒน์ ปฐมภควันต์” กับแนวคิดในการทำธุรกิจที่่น่าสนใจ

image

วันนี้จะขอมาแชร์อีกหนึ่งหนุ่มคนรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง "สุวัฒน์ ปฐมภควันต์" หรือ "บอย" วิศวะหนุ่มที่ผันตัวมาเป็นผู้ประกอบการ ด้วยวัยเพียง 35 เขามีธุรกิจในมืออยู่ 4 ธุรกิจด้วยกัน เดี๋ยวผมค่อยบอกว่ามีอะไรบ้าง พอดีวันก่อนผมมีโอกาสได้เจอบอย เลยมานั่งพูดคุยอัพเด็ตกันเล็กน้อย และได้รู้ว่าตอนนี้เขากำลังลุยธุรกิจใหม่ของเขาอยู่ เอาล่ะเรามาดูกันว่าบอยเริ่มอาณาจักรธุรกิจของเขายังไงบ้าง

ASANA
ภาพจากเพจ Asana Space

เมื่อประมาณช่วงปี 2010 บอยได้ร่วมกับเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันสร้างธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ โดยให้ชื่อว่า "Asana" ด้วยความเชื่อที่ว่างานออกแบบของคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ทั้งสองคนจึงได้รวบรวมนักออกแบบชาวไทยเพื่อมาออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ธุรกิจนี้สามารถสร้างรายได้ให้บริษัทฯสูงถึงเจ็ดหลักต่อเดือน และบอยกับเพื่อนยังเคยพาธุรกิจนี้ไปยังรายการ SME ตีแตกมาแล้วด้วยครับ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ตีไม่แตกในตอนนั้น จนปัจจุบันนี้ธุรกิจนี้ก็ยังคงดำเนินการเรื่อยมา

มาดูวิดีโอเมื่อตอนที่บอยกับเพื่อนและทีมงานไปออกรายการ SME ตีแตกกันครับ

ขอบคุณวิดีโอจากรายการ SME ตีแตก จากช่อง K SME Channel

Dexter
ภาพจากเพจ Dexter Cafe & Bar

และเมื่อปีที่แล้ว (2014) บอยก็ได้เปิดร้านอาหารที่ชื่อว่า "Dexter Cafe & Bar" ร้านนั่งชิล ได้บรรยากาศโฮมเมดแบบเก๋ๆ ตกแต่งสไตล์ตะวันตก แต่เมื่อทราบถึงที่มาของธุรกิจนี้ก็แอบฮาเหมือนกันครับ คือบอยเล่าให้ฟังว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะเปิดร้านอาหารเลย ตอนนั้นเป็นช่วงที่บอยอยากจะทำโฮสเทล (Hostel) เลยทำการมองหาอาคาร และก็มาเจออาคารหลังหนึ่งในสาทร ซอย8 บอยก็ติดต่อพูดคุย ปรากฎว่ามีร้านอาหารกำลังจะเซ้งกิจการพอดี เลยถามบอยว่าสนใจรึเปล่า แหม่..ก็เล่นมาถามคนหนุ่มไฟแรงคนนี้ เขาก็ทำซิครับ แต่ด้วยที่ว่าบอยไม่มีความรู้เรื่องการทำธุรกิจร้านอาหารมาก่อน บอยก็เลยไปชวนคนรู้จักมาร่วมกันเปิดเป็นร้าน "Dexter Cafe & Bar" อย่างทุกวันนี้

[ที่อยู่ร้าน: สาทร ซอย8 เข้าไปเพียง 30เมตร และใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS ช่องนนทรี]

Perception Blind Massage
ภาพจากเพจ Perception Blind Massage

หลังจากเปิดร้านอาหารได้ไม่นาน บอยก็เริ่มมองว่าชั้นบนของอาคารยังว่างอยู่ บอยก็คิดว่าจะปล่อยให้เช่าดีมั้ย แต่บอยก็นึกขึ้นมาได้ว่า เขามีความฝันที่อยากเปิดร้านสปาที่นวดโดยคนตาบอด เป็นไอเดียที่ดีงามมากครับในความคิดผม ถือเป็นการให้โอกาสกับคนทุพลภาพ โดยครั้งนี้บอยก็ชวนเพื่อนมาร่วมอีกแล้วครับ ด้วยเห็นว่าเพื่อนที่ชวนมาด้วยน้ันเป็นคนที่ชอบเข้าสปาอยู่แล้ว โดยตั้งชื่อว่า "Perception Blind Massage"

ทีนี้มาถึงธุรกิจล่าสุดของบอย ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่ผลิตแอพพลิเคชั่นและเว็บไซต์ที่ชื่อว่า "Skootar" เป็นแอพพลิเคชั่นมือถือและเว็บไซต์สำหรับให้บริการแมสเซ็นเจอร์เพื่อการติดต่อธุรกิจ จัดส่งเอกสาร และพัสดุ จุดกำเนิดของธุรกิจนี้น่าสนใจมากครับ คือมันมาจากว่าวันหนึ่งบอยไปทำธุรกรรมทางการเงินที่ธนาคาร และได้เห็นเหล่าแมสเซ็นเจอร์นั่งเอาเช็คเข้ากันเป็นแถว ณ.จุดนั้นเองทำให้บอยเกิดไอเดียขึ้นมาว่าทำไมไม่มีใครรวบรวมงานตรงนี้แล้วให้แมสเซ็นเจอร์คนเดียวมาดำเนินการให้หมดเลย และนั่นก็เป็นที่มาของ Skootar

Skootar
ภาพจากเพจ Skootar

ธุรกิจต้องมีน้ำหล่อเลี้ยง บอยพาธุรกิจ Skootar ของเขาไปแข่งตามงาน Startup ต่างๆและได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก จนล่าสุดก็ได้ไปแข่งในรายการ Startup ของทาง DTAC และได้โค้ชเป็นคุณ "ทิวา ยอร์ค" CEO ของ Kaidee.com เว็บไซต์ Marketplace ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เมื่อบวกกับเงินสนับสนุนจากทาง DTAC ทำให้ตอนนี้ Skootar เหมือนได้ติดปีกบิน และกำลังขยายธุรกิจออกไปในวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ สนใจเข้าไปดูรายละเอียดของ Skootar ได้ที่นี่ >> Skootar

ประเด็นของการแชร์เรื่องของบอยอยู่ตรงนี้ครับ คือถ้าสังเกตให้ดี 3 ธุรกิจแรกของบอยนั้น บอยมีเพื่อนมาร่วมหุ้นด้วยทั้งหมด สำหรับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ "Asana" น่าจะเกิดจากความชอบในสิ่งเดียวกันเลยมาร่วมกันทำ แต่ส่วนอีก 2 ธุรกิจที่เหลือ "Dexter Cafe & Bar" และ "Perception Blind Massage" นั้นบอยเลือกที่จะชวนเพื่อนมาร่วมด้วยเพราะเขาไม่มีความถนัดในธุรกิจนั้นๆมากนัก จึงได้ชวนคนที่มีความถนัดกว่ามาช่วยเติมเต็ม และนี่คือจุดที่น่าสนใจในการดำเนินธุรกิจของบอย ซึ่งจะเห็นได้ว่าในบางครั้งเราอาจจะไม่ต้องทำธุรกิจในสิ่งที่เราถนัดก็ได้ แต่เราจะต้องมีหุ้นส่วนที่ดี ที่รู้จักธุรกิจนั้นๆเป็นอย่างดีมาช่วย และที่สำคัญต้องมั่นใจว่าหุ้นส่วนของเราจะไม่โกงเราแน่ๆ (แต่จะให้ดีเราควรทำในสิ่งที่เราถนัดก็จะง่ายกว่านะครับ)

ทีนี้ในส่วนของธุรกิจล่าสุดของบอย ผมอยากให้มามองในส่วนของไอเดียในการเริ่มธุรกิจ จะเห็นได้ว่าบอยมองเห็นปัญหาบางอย่าง และได้คิดวิธีแก้ไขออกมานั่นก็คือ "Skootar" นั่นเอง Startup หลายๆรายก็เริ่มมาจากการมองเห็นถึงปัญหาของคนเรา และหาวิธีการแก้ไขปัญหา หลังจากนั้นก็นำวิธีแก้ปัญหานั้นๆไปช่วยคนอื่นแก้ไขปัญหาจนเกิดมาเป็นธุรกิจในที่สุด

เอาหล่ะ … จากนี้เรามาเริ่มมองหาปัญหากันนะครับ แล้วก็มาคิดหาวิธีจัดการกับปัญหานั้นๆ ร่างเป็นคอนเซ็ปขึ้นมา ทีนี้เราก็มาดูว่าเราทำอะไรเองได้บ้าง และเราขาดอะไรบ้าง จากนั้นเมื่อเรารู้ว่าเราขาดอะไรเราก็เริ่มมองหาหุ้นส่วนที่จะมาเป็นส่วนเติมเต็มให้กับธุรกิจ แล้วสุดท้ายหายเราไม่มีเงินทุน เราก็ต้องออกไปหาเงินกันครับ ไม่ว่าจะเป็นการหยิบยืมจากคนใกล้ตัว พ่อแม่พี่น้อง หรือจะกู้เงินมาจากทางธนาคาร หรือจะไปแข่งเวที Startup ที่เดี๋ยวนี้มีเปิดกันอยู่มากมาย ขอให้ทุกคนโชคดีนะครับ

Comments