#NPLIFESTYLE ซึ้งมาแล้วกับ The Fault In Our Stars ดาวบันดาล
ต้องขอสารภาพตามตรงว่าผมไม่ได้มีความคิดที่จะดูหนังเรื่องนี้เลยครับ เพราะส่วนตัวไม่ชอบดูหนังดาร์ม่า(กลัวอิน) แต่ก็ด้วยความบังเอิญจึงมีโอกาสได้เข้าไปชม ผมทำใจไว้ตั้งแต่แรกเลยว่ามันต้องเศร้าแน่ๆ ดูจากภาพโปสเตอร์แล้วมันต้องเศร้าแน่ๆ
เฮเซล สาวน้อยวัย 17 ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งที่ต่อมไทรอยด์ระยะสุดท้ายที่ต้องใช้ชีวิตไปวันๆด้วยความโดดเดี่ยว ไม่มีเพื่อน จนได้มาพบกับออกุสตัสหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ อดีตผู้ป่วยโรคมะเร็งในกระดูกจนต้องตัดขาตั้งแต่หน้าแข้งข้างขวาทิ้งไป ทั้งคู่พบกันในศูนยฺให้กำลังใจผู้ป่วยโรคมะเร็ง หนุ่มออกุสตัสได้มาเติมเต็มชีวิตของสาวเฮเซลให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
The Fault In Our Stars มีการเล่าเรื่องที่ดี ถึงแม้จะเป็นสูตรสำเร็จของหนังโรแมนติค มีการแทรกมุกขำๆอยู่บ้าง และสามารถทำให้คนดูติดตามเรื่องราวไปตลอดทั้งเรื่องได้อย่างไม่น่าเบื่อ และที่สำคัญยังคงอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง มีจุดพลิกอยู่หนึ่งจุด (สำหรับบางคนอาจจะไม่ถือว่าเป็นจุดพลิกก็ได้ แต่สำหรับผมมันใช่) ตอนกลางค่อนมาทางปลายเรื่อง
เพลงที่ใช้ประกอบก็เพราะดี โดยเฉพาะฉากหนึ่งในอัมสเตอร์ดัม ที่วางเพลงได้สอดคล้องกับเรื่องราวได้เป็นอย่างดี นักแสดงแต่ละคนก็ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้เป็นอย่างดี แต่ที่ชอบมากๆเลยคือ ลุง วิลเล็ม ดาโฟ (ผมจำเขาได้จากบท กรีนก๊อบบิ้นใน Spider-man ภาคแรก ที่โทบี้ แมคไกวเล่น) ที่มาแสดงอยู่ไม่กี่ฉาก แต่แสดงออกมาได้ดีมาก และด้วยองค์ประกอบทั้งหมดทั้งมวลนี้ ทำให้หนังเรื่องนี้ลงตัว และอยากแนะนำให้ไปดูกัน
ชมตัวอย่างหนังกันอีกสักที
Comments
Post a Comment