หากสงครามเริ่มขึ้น มันจะส่งผลกระทบอย่างไรกับ ราคาทอง และน้ำมัน ??


สงคราม ทองคำ และน้ำมัน: ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในเชิงเศรษฐกิจและการเมือง

สงคราม เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อทั้ง ทองคำ และ น้ำมัน เนื่องจากทั้งสองสิ่งนี้มีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจโลก แต่ในลักษณะและกลไกที่แตกต่างกัน รายละเอียดความสัมพันธ์มีดังนี้

1. ความสัมพันธ์ระหว่างสงครามและทองคำ

ทองคำมักถูกมองว่าเป็น สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) เนื่องจากคุณสมบัติที่มั่นคงและไม่เสื่อมค่า ทำให้เมื่อเกิดสงครามหรือความไม่แน่นอนทางการเมือง ราคาทองคำมักปรับตัวสูงขึ้นด้วยเหตุผลดังนี้

1.1 ความไม่แน่นอนและความเสี่ยงทางการเมือง

ในช่วงสงคราม นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในตลาดการเงิน จึงแสวงหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่าหุ้นหรือพันธบัตร ซึ่งอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้น

ทองคำไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเศรษฐกิจใด ๆ ทำให้ราคาทองคำเป็นตัวบ่งชี้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในสถานการณ์โลก

1.2 ค่าเงินและเงินเฟ้อ

สงครามอาจทำให้ค่าเงินของบางประเทศอ่อนค่าลง เช่น หากประเทศนั้นเป็นฝ่ายที่ขาดทุนในสงคราม หรือมีต้นทุนในการทำสงครามสูง

ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้นเมื่อค่าเงินดอลลาร์ (หรือสกุลเงินหลักอื่น) อ่อนตัวลง เนื่องจากทองคำมีการซื้อขายในดอลลาร์สหรัฐ


2. ความสัมพันธ์ระหว่างสงครามและน้ำมัน

น้ำมันเป็น ทรัพยากรยุทธศาสตร์ ที่มีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจและการทหาร สงครามจึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดน้ำมันผ่านกลไกดังนี้

2.1 ความเสี่ยงด้านอุปทาน

น้ำมันส่วนใหญ่ของโลกมาจากภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากสงครามสูง เช่น ความขัดแย้งในอิรัก ซีเรีย หรืออิหร่าน

เมื่อแหล่งผลิตน้ำมันถูกโจมตีหรือถูกคุกคาม การผลิตและการส่งออกน้ำมันจะลดลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูง

2.2 ค่าใช้จ่ายทางการทหาร

การทำสงครามต้องการพลังงานจำนวนมาก เช่น น้ำมันสำหรับยานพาหนะและเครื่องบินของกองทัพ ความต้องการน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทำให้ราคาสูงขึ้น

หากประเทศที่เป็นผู้นำเข้าน้ำมันมีปัญหาทางเศรษฐกิจจากสงคราม อาจเกิดผลกระทบต่อระบบการค้าและราคาน้ำมันทั่วโลก


3. ความสัมพันธ์ระหว่างทองคำและน้ำมันในช่วงสงคราม

ในช่วงสงคราม ราคาทองคำและน้ำมันมักปรับตัวสูงขึ้นพร้อมกัน แต่ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน

3.1 ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นกระทบต้นทุนและเงินเฟ้อ

ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น

เงินเฟ้อที่สูงทำให้ทองคำเป็นที่ต้องการมากขึ้น เนื่องจากทองคำมักถูกใช้เป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ

3.2 ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

เมื่อราคาน้ำมันสูงเกินไป เศรษฐกิจในหลายประเทศอาจเข้าสู่ภาวะชะลอตัว ทองคำจึงกลายเป็นทางเลือกในการลงทุนที่มั่นคง

3.3 ความสัมพันธ์ทางจิตวิทยาของตลาด

ทองคำและน้ำมันมักเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันในช่วงสงคราม เนื่องจากตลาดคาดการณ์ถึงความเสี่ยงในอนาคต เช่น ความยืดเยื้อของสงครามหรือผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน


4. กรณีศึกษา: สงครามและราคาทอง-น้ำมัน

4.1 สงครามในอ่าวเปอร์เซีย (1990-1991)

ราคาน้ำมันพุ่งสูงกว่า 30% ทันทีหลังการรุกรานของอิรักในคูเวต เนื่องจากความกลัวว่าจะขาดแคลนอุปทาน

ราคาทองคำเพิ่มขึ้นประมาณ 20% เนื่องจากนักลงทุนแสวงหาสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงความไม่แน่นอน

4.2 สงครามรัสเซีย-ยูเครน (2022)

ราคาน้ำมันทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากรัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุด และการคว่ำบาตรรัสเซียทำให้ตลาดขาดแคลนอุปทาน

ราคาทองคำแตะ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและผลกระทบต่อระบบการเงินโลก


5. ความสัมพันธ์ในระยะยาว

น้ำมัน: ราคามักปรับตัวกลับเข้าสู่สมดุลเมื่อสงครามสงบหรือเมื่อมีแหล่งผลิตน้ำมันใหม่เข้ามาแทนที่

ทองคำ: ราคาทองคำอาจลดลงหลังจากความไม่แน่นอนสิ้นสุดลง แต่บางครั้งอาจยังคงสูงอยู่หากผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามยืดเยื้อ


สงคราม ส่งผลกระทบต่อทั้ง ทองคำ และ น้ำมัน ผ่านกลไกด้านความเสี่ยง การผลิต และความเชื่อมั่นของตลาด

ทองคำ ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงความไม่แน่นอน

น้ำมัน มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์และส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจโดยตรง

ทั้งสองมักมีราคาปรับตัวสูงขึ้นในช่วงสงคราม แต่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกจะแตกต่างกัน น้ำมันกระทบต้นทุนการผลิตและเงินเฟ้อ ส่วนทองคำช่วยป้องกันความเสี่ยงและรักษามูลค่า


====ช่องทางติดตาม====

Facebook: https://www.facebook.com/NPmeStoryPage

Blockdit: https://www.blockdit.com/npmestory

Line OA: @npmestory

Comments