ทำไมบางบริษัทถึงต้องการควบรวมกิจการ


การควบรวมกิจการ (Merger and Acquisition หรือบางครั้งก็จะเรียกกันแบบย่อๆว่า MA)
คือกระบวนการที่บริษัทสองแห่งหรือมากกว่ามารวมตัวกัน หรือที่บริษัทหนึ่งเข้าซื้อกิจการของอีกบริษัทหนึ่ง เพื่อสร้างความได้เปรียบในด้านต่าง ๆ เช่น การแข่งขัน การตลาด หรือการลดต้นทุน อย่างไรก็ตาม การควบรวมกิจการย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณา ดังนี้

ผลดีของการควบรวมกิจการ

1. เพิ่มขนาดและส่วนแบ่งการตลาด

การรวมตัวกันช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดและความแข็งแกร่งของธุรกิจในอุตสาหกรรม ทำให้บริษัทมีอำนาจในการแข่งขันมากขึ้น เช่น การตั้งราคาหรือการขยายฐานลูกค้า

2. ประหยัดต้นทุน (Economies of Scale)

การควบรวมสามารถลดค่าใช้จ่าย เช่น การบริหารงาน การผลิต หรือการกระจายสินค้า เนื่องจากมีการรวมทรัพยากรและโครงสร้างที่ซ้ำซ้อน

3. เสริมสร้างความเชี่ยวชาญ

การรวมบริษัทที่มีความชำนาญในด้านต่าง ๆ เข้าด้วยกันช่วยให้เกิดความแข็งแกร่งในด้านผลิตภัณฑ์หรือบริการ เช่น การควบรวมบริษัทเทคโนโลยีกับบริษัทที่มีฐานลูกค้าแข็งแกร่ง

4. การเข้าถึงทรัพยากร

บริษัทที่ควบรวมกันอาจสามารถเข้าถึงทรัพยากรที่อีกบริษัทหนึ่งมีอยู่ เช่น เทคโนโลยี สิทธิบัตร หรือเครือข่ายการจัดจำหน่าย

5. ขยายธุรกิจในพื้นที่ใหม่

การควบรวมช่วยให้บริษัทเข้าสู่ตลาดใหม่หรือกลุ่มลูกค้าใหม่ได้ง่ายขึ้นโดยใช้เครือข่ายของอีกบริษัทหนึ่ง


ผลเสียของการควบรวมกิจการ

1. ต้นทุนการควบรวมที่สูง

การควบรวมต้องใช้เงินทุนมหาศาลสำหรับการประเมินมูลค่า การเจรจา และการปรับโครงสร้าง

2. ปัญหาการบริหารจัดการหลังควบรวม

การรวมตัวอาจทำให้เกิดความขัดแย้งด้านวัฒนธรรมองค์กร ระเบียบปฏิบัติ หรือวิธีการทำงาน ซึ่งอาจนำไปสู่ความไม่มีประสิทธิภาพ

3. ความเสี่ยงต่อการผูกขาด

การควบรวมอาจนำไปสู่การควบคุมตลาดโดยบริษัทใหญ่ ทำให้เกิดการผูกขาด ส่งผลเสียต่อตลาดและผู้บริโภคในระยะยาว

4. การสูญเสียพนักงานหรือความสามารถ

กระบวนการควบรวมมักทำให้มีการปรับลดพนักงานเพื่อประหยัดต้นทุน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการดำเนินงานในอนาคต

5. ความเสี่ยงด้านการเงิน

หากการควบรวมล้มเหลว อาจทำให้เกิดภาระหนี้สินหรือการขาดทุนอย่างหนัก โดยเฉพาะหากธุรกิจที่ควบรวมไม่สามารถสร้างรายได้ตามที่คาดหวัง

6. การลดการแข่งขันในตลาด

เมื่อบริษัทใหญ่สองแห่งควบรวมกัน อาจลดความหลากหลายของสินค้าและบริการ ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกน้อยลง


ตัวอย่างการควบรวมกิจการในอดีตและผลลัพธ์

1. Disney และ Pixar (2006)

รายละเอียด: บริษัท Walt Disney ได้เข้าซื้อ Pixar Animation Studios ด้วยมูลค่า 7.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเสริมสร้างอำนาจในตลาดภาพยนตร์แอนิเมชัน

ผลลัพธ์: Disney สามารถฟื้นฟูแบรนด์แอนิเมชันของตัวเองและเพิ่มความหลากหลายของเนื้อหา

Pixar ยังคงรักษาความเป็นตัวตนด้านความคิดสร้างสรรค์ และร่วมสร้างภาพยนตร์ยอดนิยม เช่น Toy Story 3, Inside Out, และ Frozen

ความสำเร็จทำให้ Disney กลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมแอนิเมชันระดับโลก

ข้อสังเกต: ความสำเร็จนี้เกิดจากการรักษาความเป็นอิสระของ Pixar ในการสร้างเนื้อหา ขณะเดียวกัน Disney ใช้จุดแข็งของตนในการตลาดและการจัดจำหน่าย


2. Exxon และ Mobil (1999)

รายละเอียด: บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่าง Exxon และ Mobil ควบรวมกันในดีลมูลค่า 81 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็น ExxonMobil ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเวลานั้น

ผลลัพธ์: บริษัทสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมหาศาล

มีส่วนแบ่งตลาดที่ใหญ่ขึ้นในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ

แต่ในทางกลับกัน การควบรวมนี้ยังถูกวิจารณ์ในเรื่องการลดการแข่งขันในตลาดพลังงาน

ข้อสังเกต: การควบรวมครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงผลดีในเชิงเศรษฐกิจของบริษัท แต่ยังเป็นตัวอย่างของความกังวลเรื่องการผูกขาดตลาด


3. AOL และ Time Warner (2000)

รายละเอียด: บริษัท AOL (America Online) ควบรวมกับ Time Warner ด้วยมูลค่ากว่า 165 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อรวมบริการอินเทอร์เน็ตเข้ากับสื่อดั้งเดิม เช่น โทรทัศน์และภาพยนตร์

ผลลัพธ์: การควบรวมนี้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากการขาดการบูรณาการที่เหมาะสม

หลังจากเกิดภาวะฟองสบู่ดอทคอมแตก AOL สูญเสียความนิยมในฐานะแพลตฟอร์มออนไลน์

ในที่สุด Time Warner ต้องแยกตัวจาก AOL ในปี 2009

ข้อสังเกต: การควบรวมที่ไม่ได้คำนึงถึงความเหมาะสมของวัฒนธรรมองค์กรและความต้องการตลาดอาจนำไปสู่ความล้มเหลว


การควบรวมกิจการเป็นกลยุทธ์ที่สามารถสร้างโอกาสให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมหาศาล แต่ก็ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น หากไม่มีการวางแผนและการประเมินผลกระทบอย่างรอบคอบ การควบรวมอาจส่งผลเสียทั้งต่อบริษัทเองและตลาดโดยรวม ดังนั้นการตัดสินใจควบรวมควรคำนึงถึงเป้าหมายระยะยาวและผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย

====ช่องทางติดตาม====

Facebook: https://www.facebook.com/NPmeStoryPage

Blockdit: https://www.blockdit.com/npmestory

Line OA: @npmestory

Comments